“สงครามจะเกิดไหม? วิเคราะห์ความตึงเครียดล่าสุดระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ปี 2025”
อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดของตะวันออกกลาง และผลกระทบต่อโลกและไทย
ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ กำลังพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในปี 2025
ในช่วงกลางปี 2025 สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ทวีความตึงเครียด หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะหลายจุดในภูมิภาค รวมถึงการโจมตีทางอากาศในเขตชายแดนซีเรีย–อิรัก ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนจำนวนหนึ่ง
สหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า การโจมตีเป็น “การป้องกันตัวล่วงหน้า” หลังกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับอิหร่านแสดงพฤติกรรมคุกคามผลประโยชน์ของตนในภูมิภาค ขณะที่อิหร่านประณามสหรัฐว่าเป็นการละเมิดอธิปไตย และขู่ว่าจะมี “การตอบโต้ที่สาสม”
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ยังไม่จบ
แม้ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน–สหรัฐฯ จะยืดเยื้อมาหลายสิบปี แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือในปี 2018 ที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA พร้อมคว่ำบาตรอิหร่านอย่างเข้มข้น ส่งผลให้อิหร่านกลับมาเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์อีกครั้ง
นับแต่นั้นมา เหตุการณ์ปะทะ การตอบโต้ทางทหาร และการโจมตีด้วยโดรนในตะวันออกกลางเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ผลกระทบที่อาจลามไปทั้งโลก
- ราคาน้ำมันผันผวน: ช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางผ่านของน้ำมันโลกกว่า 20% หากเกิดความไม่มั่นคง ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงทันที
- ตลาดการเงินโลกผันผวน: นักลงทุนหวั่นวิตกต่อความเสี่ยง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง
- สถานการณ์ในอิสราเอลและซีเรียอาจซับซ้อนยิ่งขึ้น
- ไทยอาจได้รับผลกระทบด้านราคาพลังงานและเศรษฐกิจ
บทวิเคราะห์: ความเป็นไปได้ของสงครามเต็มรูปแบบ
แม้หลายฝ่ายจะเกรงว่าสงครามใหญ่จะเกิดขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่า ทั้งสองประเทศยังพยายามใช้สงครามตัวแทน (proxy war) มากกว่าปะทะโดยตรง เนื่องจากการทำสงครามเต็มรูปแบบอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งด้านเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชนทั้งสองฝ่าย
สรุป
โลกกำลังจับตามองการเผชิญหน้าระหว่างอิหร่าน–สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เหตุการณ์เล็ก ๆ อาจเป็นชนวนจุดประกายความขัดแย้งครั้งใหญ่ หากไม่มีเวทีเจรจาที่เป็นกลางเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
📌 หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข่าวและการวิเคราะห์ในช่วงเดือนมิถุนายน 2025 ผู้เขียนขอสงวนความเห็นตามบริบทของสถานการณ์ ณ เวลานั้น
0 ความคิดเห็น